10 ข้อที่คุณอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับไอคอนแห่งกรันจ์ “เคิร์ท โคเบน”
1. เคิร์ท โดนัลด์ โคเบน (Kurt Donald Cobain) เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 ณ เมืองอเบอร์ดีน มลรัฐวอชิงตัน เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อของเขาโดนัลด์ เลแลนด์ โคเบน เป็นช่างซ่อมรถยนต์ และแม่เวนดี้ เอลิซาเบธ ฟราเดนเบิร์ก ทำงานเป็นสาวเสิร์ฟ ตัวโคเบนนั้นมีน้องสาว 1 คน ชื่อคิมเบอร์ลี่ย์ เขาเกิดมาพร้อมกับความรัก พ่อแม่และญาติ ๆ รักเขามาก โคเบนเคยเปิดเผยว่าในช่วงชีวิตวัยเด็กนั้น เขามีชีวิตที่มีความสุขมาก
“ตั้งแต่เด็กจนถึงอายุประมาณ 8 ขวบ ผมมีความสุขกับชีวิตวัยเด็กของผมแบบสุด ๆ เป็นชีวิตดีมาก และแม่ก็รักผมสุด ๆ เลย”
แต่โลกที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของโคเบนต้องพังทลาย เมื่อพ่อและแม่ของเขาหย่ากัน ในช่วงที่เขาอายุได้ประมาณ 9 ขวบ (บางแหล่งข้อมูลระบุว่า 7 ขวบ) ตอนเด็ก ๆ เขามีเพื่อนในจินตนาการชื่อ Boddah ที่ภายหลังเขาได้เขียนจดหมายลาตายถึงโคเบนและน้องสาว
2. ครอบครัวของเคิร์ท โคเบนนั้นมีประวัติเกี่ยวข้องกับอาชีพนักดนตรีอยู่ ลุงและป้าของเขาเป็นนักดนตรี โคเบนมีพรสวรรค์ด้านศิลปะและดนตรี ฉายแววเด่นชัด ตั้งแต่เมื่อเขายังเป็นเด็กเล็ก ๆ นอกจากเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถมากแล้ว เขายังเป็นคนที่วาดรูปเก่งมากเช่นกัน ดูเหมือนว่าพรสวรรค์ด้านศิลปะของครอบครัวนี้จะถ่ายทอดไปยังลูกสาวของเขา Frances Bean Cobain ที่เคยเปิดแสดงงานศิลปะของตัวเองด้วย
เขาตีกลองในวงดนตรีของโรงเรียน
3. หลังจากพ่อแม่หย่ากัน โคเบนก็เริ่มเป็นเด็กที่มีปัญหา ไม่ใส่ใจการเรียน หลังจากพ่อแม่หย่าได้ไม่กี่เดือน โคเบนเขียนข้อความไว้บนผนังห้องนอนว่า
“ผมเกลียดพ่อ พ่อเกลียดแม่ แม่เกลียดพ่อ ซึ่งมันทำให้คุณอยากรู้สึกเศร้าเลยหล่ะ”
ทั้งพ่อ (ที่เคยสัญญากับโคเบนว่าจะไม่แต่งงานใหม่) และแม่ของเขาต่างก็แต่งงานใหม่ เขาได้ไปอยู่กับพ่อ และจะได้เจอแม่กับน้องสาวในช่วงสุดสัปดาห์ โคเบนมีปัญหาไม่ลงรอยกับมารดาเลี้ยงและลูก 2 คนของเธอ เขาเชื่อว่าพ่อสนใจลูกเลี้ยงและลูกคนใหม่มากกว่าเขา เขาจึงเป็นเด็กเก็บกด อารมณ์เสียอยู่ตลอด และพยายามตีตัวออกห่างจากครอบครัว หันไปมั่วสุมกับเพื่อนและเริ่มทดลองสูบกัญชา แต่เมื่อลุงชัค ฟราเดนเบิร์กของเขามอบกีตาร์ไฟฟ้าให้เป็นของขวัญวันเกิดครบ 14 ปี โคเบนก็ได้พบกับโลกใบใหม่ที่ให้ความสุขแก่เขา และทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป
โคเบนอัดเพลงแรกของเขาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1982 ที่บ้านป้ามาริ เขาเล่นทั้งกีตาร์ กลอง และเอาช้อนเคาะกับกระเป๋าเดินทาง และเขาตั้งชื่อเพลงนี้ว่า “Organized Confusion”
4. ในช่วงเรียนมัธยม เคิร์ทมีเพื่อนเกย์คนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนคนนี้โดนเด็กคนอื่น ๆ รังแกอยู่เสมอ เด็กคนอื่น ๆ ก็คิดว่าโคเบนเป็นเกย์ ตัวเขาเองก็คิดว่าตัวเองเป็นเกย์ โคเบนเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้สึกเสียใจมากเมื่อแม่ไม่ให้คบกับเพื่อนที่เป็นเกย์ต่อ เพราะแม่เป็นพวกไม่ชอบพวกรักเพศเดียวกัน นอกจากนี้โคเบนเคยเขียนในบันทึกส่วนตัว Kurt Cobain: Journals ของเขาเองว่า
”ผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมปรารถนาที่จะเป็นเกย์ เพราะเพียงแค่อยากให้พวกไม่ชอบเกย์อารมณ์เสีย”
เมื่อเป็นศิลปินดังแล้ว เขาจะพูดเรื่องการสนับสนุนกลุ่มผู้รักร่วมเพศ ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี ต่อต้านการข่มขืน และพฤติกรรมที่ไม่ดีของวัยรุ่นอยู่เสมอ น้องสาวของเขา คิมเบอร์ลี่ย์ โคเบนก็เป็นเลสเบี้ยน
ในปี ค.ศ 1992 โคเบนให้สัมภาษณ์กับ The Advocate เขาระบุว่า เขามีจิตวิญญาณของความเป็นเกย์อยู่ และหากไม่ได้พบกับคอร์ทนี่ย์ เลิฟ เขาก็ยังจะใช้ชีวิตแบบไบเซ็กซวลต่อไป
5. เมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย ดนตรีพังค์ ร็อก กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของโคเบน แต่เนื่องจากที่เขาเริ่มมีปัญหากับแม่และสามีของแม่บ่อย ๆ เพราะทั้งคู่ดื่มเหล้าจัด และสามีของแม่มักจะทำร้ายร่างกายแม่อยู่เสมอ เขาเริ่มหนีเรียน กลั่นแกล้งเด็กในโรงเรียน ดื่มเหล้าและใช้ยาเสพติดมากกว่าเดิม ช่วงนี้โคเบนและเพื่อนต้องจ้างชายพิการวัยกลางคนที่เป็นแอลกอฮอลิกไปซื้อเหล้าให้เพราะพวกเขาอายุไม่ถึง สุดท้ายโคเบนลาออกจากโรงเรียน Aberdeen High School พร้อมกับคริสท์ โนโวเซลิก (Kris Novoselic) ผู้จับมือกับโคเบนตั้งวงเนอร์วานาขึ้นมาในภายหลัง หลังออกจากโรงเรียน เวนดี้ยื่นคำขาดกับโคเบนว่าให้หางานทำ ไม่เช่นนั้นเธอจะไล่เขาออกจากบ้าน ซึ่งเธอก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ ช่วงในปี ค.ศ 1984 – 1985 นั้น โคเบนอาศัยนอนตามบ้านเพื่อน นอนในกล่องกระดาษ บางครั้งก็แอบไปนอนล็อบบี้โรงพยาบาล Grays Harbor Community Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เขาเกิดบ้าง บางครั้งเขาก็บอกคนอื่นว่านอนใต้สะพาน Young Street Bridge ที่ข้ามแม่น้ำ Wishkah River แต่มีหลายคน รวมถึงผู้เขียนหนังสือ Heavier Than Heaven อย่าง Charles R. Cross และเพื่อนรักของเขาอย่างคริสท์ โนโวเซลิกบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง โคเบนไม่เคยนอนใต้สะพาน แต่ชอบไปนั่งเล่นที่นี่ แถมใต้สะพานนั้นมีโคลนอยู่เยอะมาก เป็นอุปสรรคแก่การเข้าไปนอนมาก
ในช่วงนี้เขาทำงานที่ Lamplighter Restaurant และบางครั้งก็ทำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียน Weatherwax High School รวมถึงที่ YMCA ด้วย
แฟนเพลงเขียนข้อความระลึกถึงโคเบน ที่ใต้สะพาน Young Street Bridge
6. โคเบนพบเทรซี่ มาแรนเดอร์ (Tracy Marander) ที่เมืองโอลิมเปีย (Olympia) ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ เขาไปดูคอนเสริ์ตร็อกบ่อย ๆ มาแรนเดอร์เป็นแรงบันดาลใจให้โคเบนแต่งเพลง “About A Girl” เพราะเธอขู่ว่าถ้าเขามัวแต่ดูทีวี นั่งวาดรูป แต่ไม่หางานทำ เธอจะไล่เขาออกจากห้องพักที่อยู่ด้วยกัน โคเบนไม่เคยบอกมาแรนเดอร์เลยว่าเธอเป็นแรงบันดาลใจของเพลงนี้เลย ในปี ค.ศ. 1998 มาแรนเดอร์เปิดเผยกับสารคดีของ Nick Broomfield เรื่อง Kurt and Courtney ว่า เธอมาทราบภายหลังหลังจากได้อ่านหนังสือเรื่อง Come As You Are: The Story of Nirvana นอกจากนี้มาแรนเดอร์ยังเป็นผู้ถ่ายภาพหน้าปกอัลบั้ม “Bleach” อีกด้วย
7. โคเบนเคยทำงานเป็นภารโรงที่ Lemon’s Janitorial Service เพื่อจ่ายค่าทำเดโม่เพลง คริสท์ โนโวเซลิกเคยพูดว่า
“มีผู้ชายคนหนึ่งที่จะไม่ยอมทำความสะอาดครัวหรือเอาขยะไปทิ้ง หรือทำงานบ้านอะไรทำนองนั้น แต่เคิร์ท โคเบนไม่ได้เป็นคนขี้เกียจ เอาง่าย ๆ เลยนะ เขายอมล้างห้องน้ำ และนั่นเป็นวิธีที่เขาหาเงินมาจ่ายค่าทำเดโมเพลงนั่น”
8. เขาชอบแต่งตัวแปลก ๆ และทำสีผมบ่อยมาก มีหลายครั้งที่เขาแต่งชุดเดรสของผู้หญิงขึ้นคอนเสิร์ต เขาเคยกล่าวถึงเรื่องการใส่เดรสว่า
“การใส่ชุดเดรสเป็นการแสดงออกว่าผมสามารถแสดงตัวตนความเป็นผู้หญิงได้อย่างที่ผมอยากทำ”
คอนเสิร์ตในกรุงเดอจา ริโอ เขาใส่เดรสผู้หญิงขึ้นคอนเสิร์ต
เมื่อไปแสดงดนตรีในรายการ Saturday’s Night Live ช่อง NBC เขาย้อมผมตัวเองด้วยเครื่องดื่มสุดโปรดของเขา Kool Aid รสสตรอเบอร์รี่ ทำให้ผมเป็นสีแดง9. โคเบนเป็นคนขยันซ้อมดนตรีมาก ว่างเมื่อไหร่เขาจะเล่นกีตาร์ และพยายามเขียนเพลง แต่งเพลง เขาเขียนเพลงไปเรื่อย ๆ และฟังเพลงเพื่อนำมาสร้างแรงบัลดาลใจให้เกิดเป็นเพลงของเขาเอง นักข่าวดนตรี Michael Azerrard กล่าวในสารคดี The Story of Kurt Cobain and Nirvana ว่าโคเบนเคยพูดตลอดว่าอยากทำวงดนตรีที่มีความผสมผสานกันระหว่างแบล็กแซบบาทและเดอะบีทเทิ่ลส์ แต่ Tune ที่โคเบนชอบมาคือวงเดอะ พิกซี่ ทั้งเดฟ โกรห์ลและคริสท์ โนโวเซลิกต่างก็บอกว่าในช่วงที่ซ้อมดนตรี สิ่งที่โคเบนทำอยู่เสมอคือจะแต่งเพลง เขียนเพลงและลองเล่นให้ดังที่สุด จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นเล่นให้เสียงค่อยที่สุด และเสียงดนตรีเบา ๆ บวกกับท่อนฮุคที่มีไดนามิค กลองอันทรงพลังและเสียงเบส พร้อมกับโซโล่ที่ไม่ซับซ้อนแต่มีเอกลักษณ์ ก็กลายมาเป็นตัวตนของเนอร์วาน่า สำหรับเนื้อเพลงนั้น ส่วนมากแล้ว เขาจะใช้เวลาไม่กี่นาทีเขียนเพลงก่อนจะเริ่มซ้อม และมักจะเขียนเนื้อเพลงเมื่อเล่นกีต้ารืโปร่ง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเนื้อเพลงในอัลบั้ม Bleach มากนัก แค่อยากร้องตะโกน ๆ ออกไป อย่างเพลง Smells Like Teen Spirit เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจจากข้อความที่ Kathleen Hannah แห่งวง Bikini Kill ซึ่งเป็นเพื่อนของ Tobi Vail แฟนเก่าของเขาเขียนไว้บนผนังว่า “Kurt Smells Like Teen Spirit” Teens Spirit เป็นยี่ห้อโรลออนดับกลิ่นกายของ Tobi ที่โคเบนนำไปใช้
10. ด้วยความที่เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวแตกแยก ชีวิตของเขาก็มีปัญหามาตลอด เริ่มจากหัดสูบกัญชาเมื่ออายุ 13 ปี ทั้งดื่มเหล้า เมื่อโตขึ้นและมีชื่อเสียง เขาก็ใช้ยาเสพติดหนักอย่างเฮโรอีน LSD รวมถึงยาแก้ปวดออกฤทธิ์รุนแรง ยาระงับประสาทอื่น ๆ โคเบนยังมีอาการปวดท้องเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่พบ มีบางช่วงที่เขาติดเฮโรอีนหนักมาก จนต้องใช้เงินซื้อเฮโรอีนประมาณวันละ 100 ดอลล่าห์มาเสพ และภายหลัง จำนวนเงินก็เพิ่มเป็น 400 ดอลล่าห์ต่อวัน ตามมาตรฐานฮอลลีวูดแล้ว โคเบนยังใช้เงินไม่เยอะในการซื้อหายาเสพติด แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้คนเรียกเขาว่า “Kurt Cocaine” แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นร็อกสตาร์และมีชื่อเสียง ตัวเขาเองนั้นกลับไม่ชอบที่จะโด่งดัง เขาไม่ชอบผู้คน เขาเสพยามากขึ้นเรื่อย ๆ จนบางครั้งขึ้นแสดงไม่ไหว จนสุดท้ายต้องเข้าไปรับการบำบัด นอกจากเขาเคยพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง ครอบครัวของเขา มีประวัติการฆ่าตัวตาย เป็นโรคจิตเวช ติดเหล้า รวมถึงลุงของโคเบน 2 คนก็กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยปืนอีกด้วย
ต้นปี ค.ศ. 1994 สุขภาพจิตของเขาย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาพยายามฆ่าตัวตายในอิตาลี จนภรรยาและผู้จัดการส่วนตัวต้องพาตัวเขาไปเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดเอ็กโซดัส ในลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่เขาก็หนีออกมาได้ในวันที่ 1 เมษายน แล้วกลับไปซีแอ็ทเทิ่ล มารดาของเคิร์ท แจ้งความว่าเคิร์ทหายไปในวันที่ 4 เมษายน ในวันที่ 5 เคิร์ทก็ยิงศีรษะตนเองที่บ้านในซีแอ็ทเทิ่ล แต่ยังไม่มีใครพบศพ จนกระทั่งวันที่ 8 เมษายน เมื่อช่างไฟที่ไปติดตั้งระบบสัญญาณเตือน ที่บ้านของเคิร์ท ไปสะดุดร่างของเขาเข้า
แฟนเพลงหลายคนเชื่อว่าโคเบนไม่ได้ฆ๋าตัวตาย แต่ถูกฆาตกรรม บ้างก็ว่าภรรยาเขาเป็นคนบงการ สามารถหาอ่านทฤษฎีที่คนเชื่อว่าทำไมเขาไม่ได้ฆ่าตัวตายได้ที่ Cobain Case Justice for Kurt
ไม่ว่าเขาจะจากไปอย่างไร เขาก็ยังเป็นที่รักของแฟนเพลงทั่วโลก เขาถูกรักในแบบที่เขาเป็น แม้ไม่ได้ใช้ชีวิตจนถึงวัยกลางคน (มันยากนะที่จะจินตนาการถึงเขาในวัย 47 ปี เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าไม่อยากอยู่จนแก่แบบลุง Pete Townshend แห่ง The Who) แต่เขาใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า ดนตรีและตำนานของเขายังอยู่ประดับวงการดนตรีตลอดไป
อ้างอิง : Ryn Writes